วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

ความประทับใจในมหาวิทยาลัย


4 ปีกับรั้วนนทรี
ความประทับใจในมอ แห่งนี้ คือการที่ฉันได้เจอเพื่อนๆ ซึ่งไม่คิดว่าจะมารวมตัวกันได้มากมายขนาดนี้ กลุ่มฉันมีถึง 13 คน เป็นชายแท้ๆ เพียงหนึ่งเดียว ไม่แท้อีก 2 คน และบรรดาผู้หญิงถึกๆถึง10คน ต่างคน ต่างที่ ต่างพ่อ ต่างแม่ ต่างมารวมตัวกันได้อย่างลงตัว กว่า 4 ปีที่พวกเราผ่านอะไรมาตั้งมากมายด้วยกัน ผ่านวันดีดี และมีความทรงจำร่วมกันมากมายทั้งหัวเราะ ทั้งร้องไห้ และเหนื่อยมาด้วยกัน จนทำให้พวกเราสนิทกันมากขนาดนี้ นี่ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างนึงของเกษตร คือ การที่มีกิจกรรมเยอะมากถึงมากที่สุด จนแทบไม่มีเวลาไปเจอใครๆ เจอกันแต่หน้าเดิมๆ ทุกวัน เป็นเดือน จนเป็นปี
เป็นเวลากว่า 4 ปี ที่พวกเราแทบไม่เคยทะเลาะกันเลย ขัดแย้งกันก็น้อยมาก เวลาไปไหนมาไหนก็ต้องไปให้ครบแก๊งค์ทั้ง 13 คน กว่าจะไปกันได้แต่ละทีก็ต้องรอกันไปกันมา กว่าคนนู้นจะเข้าห้องน้ำเสร็จ กว่าสิบสาวจะแต่งหน้าเสร็จ ช้ากันจนเป็นนิสัย จะขึ้นรถทีก็ต้องมีที่พอสำหรับพวกเรา ถ้าไม่พอพวกเราจะไม่ไป ทำให้พวกเราต้องเดินไปห้องเรียนกันเป็นประจำซึ่งห้องเรียนก็ไม่ได้ไกลกันมาก บางทีก็จากคณะเศษฐศาสตร์ไปศ.ร3 จากศ.ร3กลับมาคณะ เดินกันทุกวี่วัน จากที่ไกลๆ ก็กล้ายเป็นใกล้ไป ลองให้เด็กที่อื่นมาเดินอย่างพวกเรา มีหวังลาออกแน่ๆ นี่ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างของเกษตร สร้างผู้หญิงให้แข็งแรง(ถึกนั่นเอง) พวกเราเดินตากแดดกันจนชินทำให้ดำกันไปเป็นแถบๆ หากจะบอกว่าเกษตรนั้นร่มรื่นก็คงจริงอยู่ (ถ้าโลกนี้ไม่มีแดด) ไม่เคยสงสัยเลยว่าทำไมเด็กเกษตรตัวดำ!!!!! เพราะทุกพื้นที่ในเกษตรมีแต่ลำแสงยูวี ที่จะคอยเผาไหม้ให้เด็กเกษตรดูเหมือนเกษตรกรลงไปทุกวัน
สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าใครเดินเข้ามาเกษตรจะเข้าใจเกษตรได้ดีคือ ความเขียวขจีของต้นไม้ที่น้อยเหลือเกินและน้ำสีตุ่นๆ มีกลิ่นหน่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าประตูพหลฯ คณะวิศวะ คณะสังคม และข้างเศษฐศาสตร์
อีกหนึ่งความประทับก็คงจะเป็นความกว้างใหญ่ของเกษตร ที่จนตอนนี้จะเรียนจบก็ยังคงเดินไม่ทั่วเกษตรซะที ตรอก ซอก ซอย เยอะแยะไปหมดคณะทั้ง14คณะก็ยังไม่รู้เลยอยู่ตรงไหนบ้าง(กว้างจริงๆ)จนต้องมีรถตะลัย
รถตะลัย คงย่อมาจาก รถตะลุยมหาวิทยาลัยมั๊ง รถนี่ก็แปลก ตอนคนรอเยอะๆ กลับไม่มีสักคัน กว่าจะมาทีคนที่รอก็จะเดินแซงๆ กันขึ้นไปรอให้หน้าที่สุดเพื่อที่จะได้ขึ้นรถ คนที่ยืนอยู่ก่อนแล้วจะโดนแซงโดยคนที่มาทีหลัง ใครละจะไปยอมกันได้ ก็ต้องแซงกลับไปให้หน้าที่สุด ปรากฎว่ารถตะลัยก็แสนจะกรวน.....มันดันจอดท้ายป้าย(ซะงั้นอะ) แล้วคนที่อยู่ข้างหน้าทำยังไงละ???? ก็ต้องวิ่งแบบไม่คิดชีวิตเหมือนกับว่า มันมีคันเดียวในโลก พอตอนไม่มีคนรอที่ป้าย รถตะลัยเจ้ากรรมดันจอดพร้อมกันถึงสามสี่สาย โธ่..รถตะลัยที่เคารพ....
อีกตอนจะลงรถ เคยสังเกตุกันไหมว่า จะมีกลุ่มบุคคลที่ไม่ใช่นิสิต ไม่ว่าอยู่ส่วนไหนของรถจ็จะรีบแทรกตัวออกมาเพื่อที่จะลง ไม่เข้าใจว่า ลงช้าจะไม่ได้ลงรึไง???? แต่สิ่งเหล่านี้มันก็ทำให้เด็กเกษตรอย่างเรามีความอดทนและตื่นตัวตลอดเวลา
จะให้บรรยายถึงความประทับในเกษตรแห่งนี้คงเล่าได้ไม่หมดเพราะเกษตรเหมือนบ้านหลังที่สอง ที่ที่เราเจอเพื่อน เจอพี่ เจอน้องๆ ได้ความรู้ ได้ประสบการณ์ เกิดทั้งความรัก ความผูกพัน มิตรภาพ เสียงหัวเราะ และน้ำตา หากจะถามว่าเกษตรคืออะไร คงตอบได้ว่า**เกษตรคือชีวิต**




Whatever You Like - T.I.

ไม่มีความคิดเห็น: